แนวโน้มของเทคโนโลยีสารสนเทศทางการศึกษา
1.
เทคโนโลยีTechnology หมายถึงการนำเอาความรู้จากวิทยาศาสตร์ธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมมาประยุกต์เข้าด้วยกันเพื่อให้สิ่งต่างๆมีประโยชน์ในทางการปฏิบัติและการอุตสาหกรรม เช่น ซิป (Chip) ถูกสร้างมาจากทรายหรือซิลิกอน ผ่านกรรมวิธีพิเศษจนเป็นอุปกรณ์ที่มีราคาสูงและนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างมาก
2. เทคโนโลยีสารสนเทศ Information Technology หมายถึง เทคโนโลยีที่มีความเกี่ยวข้องกับการวิเคราะห์ข้อมูลและประมวลผลสารสนเทศทำให้สารสนเทศนั้นมีประโยชน์และสามารถใช้งานได้หลากหลายมากขึ้น
2. เทคโนโลยีสารสนเทศ Information Technology หมายถึง เทคโนโลยีที่มีความเกี่ยวข้องกับการวิเคราะห์ข้อมูลและประมวลผลสารสนเทศทำให้สารสนเทศนั้นมีประโยชน์และสามารถใช้งานได้หลากหลายมากขึ้น
ประโยชน์ของผู้มีความรู้เทคโนโลยีสารสนเทศ
หรือ IT
1. ใช้คอมพิวเตอร์ได้สะดวกและคุ้มค่า
2. ทันกับสภาพสังคมที่มีการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและสามารถคาดการแนวโน้มการใช้ในอนาคตได้
3. สามารถเลือกซื้อ หรือเลือกใช้ฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ได้เหมาะสมกับงานและความต้องการของตน
4. รู้ทันข่าวสารและเหตุการณ์ปัจจุบันอยู่เสมอ
5. มีความรู้กว้างขวางหลายสาขา มีความรู้รอบตัวมากขึ้น
2. ทันกับสภาพสังคมที่มีการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและสามารถคาดการแนวโน้มการใช้ในอนาคตได้
3. สามารถเลือกซื้อ หรือเลือกใช้ฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ได้เหมาะสมกับงานและความต้องการของตน
4. รู้ทันข่าวสารและเหตุการณ์ปัจจุบันอยู่เสมอ
5. มีความรู้กว้างขวางหลายสาขา มีความรู้รอบตัวมากขึ้น
แนวโน้มของเทคโนโลยีสารสนเทศ หรือ IT
ในปัจจุบันองค์กรต่าง ๆ มีการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศกันมากขึ้น
เนื่องจากมีอุปกรณ์คอมพิวเตอร์อำนวยความสะดวกในการทำงานมากขึ้น คอมพิวเตอร์ก็ได้พัฒนารูปแบบการใช้งานให้มีความสะดวกและง่ายขึ้นโปรแกรมการทำงานต่าง
ๆ ตรงกับความต้องการของผู้ใช้
และยังสามารถทำงานได้หลายอย่างในเครื่องเดียวกัน
การประมวลผลก็เร็วขึ้นนอกจากนั้นยังสามารถทำงานในลักษณะการดูหนังฟังเพลงได้ด้วย แม้แต่การสื่อสารกันระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ก็ทำได้ง่ายดาย
คนจึงมักจะพูดว่า "โลกไร้พรหมแดน"
ก็เพราะการใช้คอมพิวเตอร์ติดต่อสื่อสารสะดวกรวดเร็ว
สิ่งที่องค์กรต่าง ๆ ต้องคำนึงถึงในการนำเทคโนโลยีมาใช้ มีดังนี้
1. ความจำเป็น เช่น ถ้าเป็นธุรกิจขนาดเล็กมีบุคลากรไม่มาก การใช้เทคโนโลยีก็อาจจะทำให้สิ้นเปลืองและค่าใช้จ่ายมากกว่าที่ใช้แรงงานจากมนุษย์ก็เป็นได้
2. การพัฒนาการของเทคโนโลยี จะพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว ทำให้การนำเทคโนโลยีมาใช้จึงต้องคำนึงถึงอนาคตด้วย เนื่องจากแนวโน้มการพัฒนาของเทคโนโลยีจะเป็นอย่างไรนั้นองค์กรต้องใช้เทคโนโลยีให้สอดคล้องกับการพัฒนาด้วย
3. การบริหารจัดการ ต้องมีการปรับปรุงให้เหมาะสมกับรูปแบบขององค์กร อันจะมีผลต่อความได้เปรียบเสียเปรียบด้านการตลาดด้วย
1. ความจำเป็น เช่น ถ้าเป็นธุรกิจขนาดเล็กมีบุคลากรไม่มาก การใช้เทคโนโลยีก็อาจจะทำให้สิ้นเปลืองและค่าใช้จ่ายมากกว่าที่ใช้แรงงานจากมนุษย์ก็เป็นได้
2. การพัฒนาการของเทคโนโลยี จะพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว ทำให้การนำเทคโนโลยีมาใช้จึงต้องคำนึงถึงอนาคตด้วย เนื่องจากแนวโน้มการพัฒนาของเทคโนโลยีจะเป็นอย่างไรนั้นองค์กรต้องใช้เทคโนโลยีให้สอดคล้องกับการพัฒนาด้วย
3. การบริหารจัดการ ต้องมีการปรับปรุงให้เหมาะสมกับรูปแบบขององค์กร อันจะมีผลต่อความได้เปรียบเสียเปรียบด้านการตลาดด้วย
การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในอนาคต
1. ด้านการติดต่อสื่อสาร มนุษย์สามารถติดต่อสื่อสารกันได้อย่างไม่มีอุปสรรค ดังคำที่ว่า "โลกไร้พรหมแดน"
2. ด้านการศึกษา นักเรียนนักศึกษาในอนาคตมีแนวโน้มที่จะเรียนอยู่ที่บ้านไม่ต้องมาโรงเรียนใช้วิธีการเรียนทางไกลโดยเรียนผ่านทางอินเตอร์เน็ต
3. ด้านการดำเนินชีวิต มนุษย์มีความสุขสะบายมากขึ้นการทำงานหากมีความเสี่ยงสูงก็ใช้หุ่นยนต์ทำหน้าที่แทน การดูแลรักษาความปลอดภัยก็ใช้โปรแกรมคอดตรวจสอบให้ทั้งหมดได้
4. ด้านสุขภาพ วงการแพทย์รักษาโรคได้มากขึ้น มีระบบแพทย์ออนไลน์คอยดูแลรักษาทางอินเตอร์เน็ตได้โดยร่วมกันรักษาโรคทั่วโลกได้
5. ด้านการท่องเที่ยวและความบันเทิง สามารถผ่านระบบอินเตอร์เน็ต ทุกรูปแบบ เช่น การจอดตั๋ว การตรวจสอบสถานที่ การสอบถามข้อมูล การดูหนังฟังเพลง ตลอดจนการซื้อของไม่ต้องไปเดินซื้อตามห้างสรรพสินค้า
1. ด้านการติดต่อสื่อสาร มนุษย์สามารถติดต่อสื่อสารกันได้อย่างไม่มีอุปสรรค ดังคำที่ว่า "โลกไร้พรหมแดน"
2. ด้านการศึกษา นักเรียนนักศึกษาในอนาคตมีแนวโน้มที่จะเรียนอยู่ที่บ้านไม่ต้องมาโรงเรียนใช้วิธีการเรียนทางไกลโดยเรียนผ่านทางอินเตอร์เน็ต
3. ด้านการดำเนินชีวิต มนุษย์มีความสุขสะบายมากขึ้นการทำงานหากมีความเสี่ยงสูงก็ใช้หุ่นยนต์ทำหน้าที่แทน การดูแลรักษาความปลอดภัยก็ใช้โปรแกรมคอดตรวจสอบให้ทั้งหมดได้
4. ด้านสุขภาพ วงการแพทย์รักษาโรคได้มากขึ้น มีระบบแพทย์ออนไลน์คอยดูแลรักษาทางอินเตอร์เน็ตได้โดยร่วมกันรักษาโรคทั่วโลกได้
5. ด้านการท่องเที่ยวและความบันเทิง สามารถผ่านระบบอินเตอร์เน็ต ทุกรูปแบบ เช่น การจอดตั๋ว การตรวจสอบสถานที่ การสอบถามข้อมูล การดูหนังฟังเพลง ตลอดจนการซื้อของไม่ต้องไปเดินซื้อตามห้างสรรพสินค้า
ผลกระทบของเทคโนโลยีสารสนเทศในด้านต่าง
ๆ
1. ผลกระทบต่อการศึกษา
การนำเทคโนโลยีหรือสื่อการเรียนมาใช้มากเกินไปจะเกิดปัญหาที่ชัดเจน คือ
- ครู กับ นักเรียนขาดความสัมพันธ์และความใกล้ชิด ทำให้ความสำคัญของโรงเรียนและครูน้อยลง
- ครู กับ นักเรียนขาดความสัมพันธ์และความใกล้ชิด ทำให้ความสำคัญของโรงเรียนและครูน้อยลง
-
นักเรียนที่มีฐานะยากจนไม่สามารถเรียนโดยใช้สื่อเหล่านี้ได้
ทำให้เกิดการเสียโอกาสทางการศึกษาและทางสังคมที่แตกต่างกัน
2. ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เกิดปัญหาผลพิษต่อสิ่งแวดล้อมเพราะมนุษย์นำเทคโนโลยี
ไปใช้ในทางที่ผิด เพราะมุ่งแต่ประโยชน์ส่วนต้นเท่านั้น
3. ผลกระทบต่อสังคม
- เกิดปัญหาว่างงานเพราะเมื่อใช้เทคโนโลยีแล้วแรงงานก็ใช้น้อยลงทำให้เกิดภาวะว่างงาน
- การปรับตัวที่ไม่ทันกับการพัฒนาเทคโนโลยี คนที่อายุน้อยพัฒนาตนเองได้ดีขณะที่คนอายุมากพัฒนาตนเองได้น้อยและไม่ทันกับการพัฒนาเทคโนโลยี
- สังคมจะเป็นแบบต่างคน ต่างอยู่ การดำเนินชีวิตจะไม่มีความสัมพันธ์กันมากนักเพราะทุกชีวิตต้องรีบเร่ง ดิ้นรน
4. ผลกระทบต่อเศรษฐกิจ
- มนุษย์จับจ่ายใช้สอยได้ง่ายขึ้น เพราะมีบัตรเครดิตไม่ต้องพกเงินสด ทำให้อัตราการเป็นหนี้สูงขึ้น
- การแข่งขันกันทางธุรกิจสูงมากขึ้น หวังผลกำไรมากขึ้น อัตราการขยายตัวทางธุรกิจสูงแต่ผลที่ตามมาก็คือทำให้มุ่งแข่งขันหวังกำไรจนลืมความมีมนุษยธรรมหรือความมีน้ำใจ
5. ผลกระทบต่อสุขภาพจิต
- การดำเนินชีวิตแบบเดิมเป็นแบบเรียบง่าย ต้องเปลี่ยนมาเป็นการปรับตัวให้ทันกับเหตุการณ์ปัจจุบันตลอดเวลาอาจจะเกิดความเครียด ความวิตกกังวล ไม่ว่าในหน้าที่การงานหรือการดำเนินชีวิตประจำตัวก็ตาม
- พฤติกรรมของเยาวชน การอยู่กับเกมคอมพิวเตอร์ทำให้เยาวชนเกิดนิสัยก้าวร้าว
ชอบการต่อสู้ การใช้กำลัง
- นักธุรกิจต้องทำงานแข่งกับเวลา พักผ่อนน้อยก็ก่อให้เกิดความเครียด สุขภาพจิต
ก็เสียตามไปด้วย
2. ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เกิดปัญหาผลพิษต่อสิ่งแวดล้อมเพราะมนุษย์นำเทคโนโลยี
ไปใช้ในทางที่ผิด เพราะมุ่งแต่ประโยชน์ส่วนต้นเท่านั้น
3. ผลกระทบต่อสังคม
- เกิดปัญหาว่างงานเพราะเมื่อใช้เทคโนโลยีแล้วแรงงานก็ใช้น้อยลงทำให้เกิดภาวะว่างงาน
- การปรับตัวที่ไม่ทันกับการพัฒนาเทคโนโลยี คนที่อายุน้อยพัฒนาตนเองได้ดีขณะที่คนอายุมากพัฒนาตนเองได้น้อยและไม่ทันกับการพัฒนาเทคโนโลยี
- สังคมจะเป็นแบบต่างคน ต่างอยู่ การดำเนินชีวิตจะไม่มีความสัมพันธ์กันมากนักเพราะทุกชีวิตต้องรีบเร่ง ดิ้นรน
4. ผลกระทบต่อเศรษฐกิจ
- มนุษย์จับจ่ายใช้สอยได้ง่ายขึ้น เพราะมีบัตรเครดิตไม่ต้องพกเงินสด ทำให้อัตราการเป็นหนี้สูงขึ้น
- การแข่งขันกันทางธุรกิจสูงมากขึ้น หวังผลกำไรมากขึ้น อัตราการขยายตัวทางธุรกิจสูงแต่ผลที่ตามมาก็คือทำให้มุ่งแข่งขันหวังกำไรจนลืมความมีมนุษยธรรมหรือความมีน้ำใจ
5. ผลกระทบต่อสุขภาพจิต
- การดำเนินชีวิตแบบเดิมเป็นแบบเรียบง่าย ต้องเปลี่ยนมาเป็นการปรับตัวให้ทันกับเหตุการณ์ปัจจุบันตลอดเวลาอาจจะเกิดความเครียด ความวิตกกังวล ไม่ว่าในหน้าที่การงานหรือการดำเนินชีวิตประจำตัวก็ตาม
- พฤติกรรมของเยาวชน การอยู่กับเกมคอมพิวเตอร์ทำให้เยาวชนเกิดนิสัยก้าวร้าว
ชอบการต่อสู้ การใช้กำลัง
- นักธุรกิจต้องทำงานแข่งกับเวลา พักผ่อนน้อยก็ก่อให้เกิดความเครียด สุขภาพจิต
ก็เสียตามไปด้วย
ความสำคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศ
เทคโนโลยีสารสนเทศมีความสำคัญต่อการพัฒนาประเทศในด้านต่าง ๆ เป็นอย่างมาก
ตัวอย่างเช่น
1.
การศึกษา เทคโนโลยีสารสนเทศ ช่วยในด้านการค้นคว้าศึกษาแหล่งข้อมูลทำให้การศึกษาง่ายขึ้นและไร้ขีดจำกัด
ผู้เรียนมีความสะดวกในการค้นคว้าวิจัย
2.
การดำรงชีวิตประจำวัน
ทำให้มีความสะดวกคล่องตัวและรวดเร็วในการทำกิจกรรมต่าง ๆ
ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน สามารถทำงานได้หลายอย่างในเวลาเดียวกันได้หรือทำงานใช้เวลาน้อยลง
3.
การดำเนินธุรกิจ ทำให้มีการแข่งขันระหว่างธุรกิจมากขึ้น
ทำให้ต้องมีการพัฒนาองค์กรเพื่อให้ทันกับข้อมูลข่าวสารอยู่ตลอดเวลา
อันส่งผลต่อการพัฒนาประเทศอย่างต่อเนื่อง
อันส่งผลต่อการพัฒนาประเทศอย่างต่อเนื่อง
4.
อัตราการขยายตัวทุก ๆ ด้านที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
เพราะมีการติดต่อสื่อสารที่เจริญก้าวหน้าทันสมัย
รวดเร็วถูกต้องและทำให้เป็นโลกที่ไร้พรหมแดน
5.
ระบบการทำงานมีคอมพิวเตอร์มาใช้ซื่อสามารถทำงานได้มากขึ้น
งานบางอย่างมนุษย์ทำไม่ได้ก็ใช้คอมพิวเตอร์ช่วยทำงานแทนซึ่งได้ผลถูกต้องรวดเร็ว
ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ต้องประกอบด้วย
1. ฮาร์ดแวร์ Hardware
2. ซอฟต์แวร์ Software
3. อุปกรณ์ที่ใช้ในการให้บริการข้อมูลและติดต่อสื่อสาร
1. ฮาร์ดแวร์ Hardware
2. ซอฟต์แวร์ Software
3. อุปกรณ์ที่ใช้ในการให้บริการข้อมูลและติดต่อสื่อสาร
พื้นฐานเทคโนโลยีสารสนเทศ ประกอบด้วยส่วนประกอบ ดังนี้
1. องค์ประกอบของระบบคอมพิวเตอร์ ได้แก่
1. ฮาร์ดแวร์ Hardware
2. ซอฟต์แวร์ Software
3. ข้อมูล Data
4. บุคลากร People
2. โปรแกรมเมอร์ นักวิเคราะห์ระบบและผู้ใช้งาน Programmer,System Analyst และ User เป็นบุคคลที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องในงานคอมพิวเตอร์ โปรแกรมเมอร์มีหน้าที่เขียนโปรแกรมตามที่นักวิเคราะห์ได้ออกแบบไว้ ส่วนผู้ใช้จะเป็นกลุ่มที่มีอิทธิพลต่อทิศทางในการพัฒนาเทคโนโลยีทางคอมพิวเตอร์มากที่สุด
1. องค์ประกอบของระบบคอมพิวเตอร์ ได้แก่
1. ฮาร์ดแวร์ Hardware
2. ซอฟต์แวร์ Software
3. ข้อมูล Data
4. บุคลากร People
2. โปรแกรมเมอร์ นักวิเคราะห์ระบบและผู้ใช้งาน Programmer,System Analyst และ User เป็นบุคคลที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องในงานคอมพิวเตอร์ โปรแกรมเมอร์มีหน้าที่เขียนโปรแกรมตามที่นักวิเคราะห์ได้ออกแบบไว้ ส่วนผู้ใช้จะเป็นกลุ่มที่มีอิทธิพลต่อทิศทางในการพัฒนาเทคโนโลยีทางคอมพิวเตอร์มากที่สุด
3.
หน่วยรับข้อมูล หน่วยประมวลผลกลาง
หน่วยแสดงผลและหน่วยเก็บข้อมูล
หน่วยรับข้อมูลทำหน้าที่รับโปรแกรมและข้อมูลเข้าสู่คอมพิวเตอร์
หน่วยประมวลผล ทำหน้าที่ประมวลผลและควบคุมการทำงานของระบบคอมพิวเตอร์ทั้งหมด
หน่วยรับข้อมูลทำหน้าที่รับโปรแกรมและข้อมูลเข้าสู่คอมพิวเตอร์
หน่วยประมวลผล ทำหน้าที่ประมวลผลและควบคุมการทำงานของระบบคอมพิวเตอร์ทั้งหมด
หน่วยแสดงผล ทำหน้าที่แสดงผลลัพธ์จากการประมวลผลข้อมูล
หน่วยเก็บข้อมูล ทำหน้าที่เก็บข้อมูลที่รอการประมวลผล และเก็บผลลัพธ์ที่ได้จากการประมวลผลในระหว่างที่รอส่งไปยังหน่วยแสดงผล
4. การจัดการข้อมูล ซึ่งหมายถึงแฟ้มข้อมูล
5. การประมวลผล ประกอบด้วย 3 ขั้นตอน
1. การรวบรวมข้อมูล
2. การประมวลผล
3. การดูแลรักษา
หน่วยเก็บข้อมูล ทำหน้าที่เก็บข้อมูลที่รอการประมวลผล และเก็บผลลัพธ์ที่ได้จากการประมวลผลในระหว่างที่รอส่งไปยังหน่วยแสดงผล
4. การจัดการข้อมูล ซึ่งหมายถึงแฟ้มข้อมูล
5. การประมวลผล ประกอบด้วย 3 ขั้นตอน
1. การรวบรวมข้อมูล
2. การประมวลผล
3. การดูแลรักษา
เทคโนโลยีสารสนเทศรูปแบบต่าง ๆ
1. เทคโนโลยีระบบสารสนเทศ
เป็นระบบการจัดการสารสนเทศที่ทำหน้าที่ไม่ว่าจะเป็นการบันทึก การแก้ไข
การทำรายงาน งานบัญชี งานลงทะเบียน ระบบสารสนเทศจะช่วยให้องค์กรมีความสะดวกรวดเร็วในการทำงานและยังช่วยเป็นข้อมูลในการตัดสินใจด้วย
2. เทคโนโลยีระบบเครือข่าย เป็นระบบเทคโนโลยีที่นิยมใช้กันมากในปัจจุบัน มีประโยชน์ ดังนี้
2.1 สามารถติดต่อถึงกันได้ด้วยจดหมายอิเล็คทอร์นิกส์ (E-mail)
2.2 จัดเก็บข้อมูลไว้รวมในที่เดียวกัน ผู้อยู่ห่างไกลก็สามารถดึงข้อมูลนั้นไปใช้ได้อย่างรวดเร็วไม่ต้องเสียเวลาในการเดินทาง
2.3 องค์กรประหยัดค่าใช้จ่ายงบประมาณด้านอุปกรณ์ เพราะระบบเครือข่ายสามารถใช้อุปกรณ์ร่วมกันได้
2.4 สามารถทำงานร่วมกันได้หรือทำงานโดยใช้เอกสารชุดเดียวกัน
3. เทคโนโลยีสำนักงานอัตโนมัติ เป็นระบบการทำงานที่ใช้ระบบการเชื่อมโยงคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์สำนักงาน ซึ่งมีผลทำให้
3.1 พนักงานสามารถติดต่อสื่อสารกันได้ทางจดหมายอิเลคทรอนิกส์ (E - mail)
2. เทคโนโลยีระบบเครือข่าย เป็นระบบเทคโนโลยีที่นิยมใช้กันมากในปัจจุบัน มีประโยชน์ ดังนี้
2.1 สามารถติดต่อถึงกันได้ด้วยจดหมายอิเล็คทอร์นิกส์ (E-mail)
2.2 จัดเก็บข้อมูลไว้รวมในที่เดียวกัน ผู้อยู่ห่างไกลก็สามารถดึงข้อมูลนั้นไปใช้ได้อย่างรวดเร็วไม่ต้องเสียเวลาในการเดินทาง
2.3 องค์กรประหยัดค่าใช้จ่ายงบประมาณด้านอุปกรณ์ เพราะระบบเครือข่ายสามารถใช้อุปกรณ์ร่วมกันได้
2.4 สามารถทำงานร่วมกันได้หรือทำงานโดยใช้เอกสารชุดเดียวกัน
3. เทคโนโลยีสำนักงานอัตโนมัติ เป็นระบบการทำงานที่ใช้ระบบการเชื่อมโยงคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์สำนักงาน ซึ่งมีผลทำให้
3.1 พนักงานสามารถติดต่อสื่อสารกันได้ทางจดหมายอิเลคทรอนิกส์ (E - mail)
3.2
สามารถบันทึกแฟ้มเอกสารหรืองานพิมพ์เก็บไว้
และสามารถนำมาแก้ไขปรับปรุงให้ดีขึ้นได้ง่าย
3.3 การออกแบบงานต่าง ๆ ทำได้ง่ายสะดวกรวดเร็วและใช้งานได้ง่าย
3.4 มีระบบฝากข้อความเสียง (Voice Mail)
3.5 การประชุมทางไกล (Vedio Teleconference)
4. เทคโนโลยีช่วยสอน CAI ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก โรงเรียนและสถานศึกษาก็เริ่มมีการพัฒนาโปรแกรมบทเรียนสำเร็จรูปขึ้นมาใช้และมีผลดีกับนักเรียนที่จะได้สื่อการเรียนการสอนที่ทันสมัยและมีความน่าสนใจมากขึ้น
3.3 การออกแบบงานต่าง ๆ ทำได้ง่ายสะดวกรวดเร็วและใช้งานได้ง่าย
3.4 มีระบบฝากข้อความเสียง (Voice Mail)
3.5 การประชุมทางไกล (Vedio Teleconference)
4. เทคโนโลยีช่วยสอน CAI ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก โรงเรียนและสถานศึกษาก็เริ่มมีการพัฒนาโปรแกรมบทเรียนสำเร็จรูปขึ้นมาใช้และมีผลดีกับนักเรียนที่จะได้สื่อการเรียนการสอนที่ทันสมัยและมีความน่าสนใจมากขึ้น
การจัดการเทคโนโลยีสารสนเทศ
1.
การนำมาประยุกต์ใช้งาน
จะต้องคำนึงถึงผลที่จะได้รับและผลกระทบที่จะเกิดขึ้นตามมาด้วย
2. การวางแผนที่ดี เพื่อเลือกใช้เทคโนโลยีสารสนเทศให้เหมาะสมกับงานและเพื่อประโยชน์สูงสุดที่ควรจะได้รับ
3. มาตรฐานการใช้งาน ควรจะมีเจ้าหน้าที่ควบคุมดูแล ไม่ปล่อยปละละเลยหรือใช้ในทางที่ผิด
4. การลงทุน ควรคำนึงถึงงบประมาณและผลประโยชน์ที่ได้รับด้วย หากประโยชน์ที่ได้ไม่คุ้มค่าแก่การลงทุนก็ควรที่จะปรับแผนการเสียใหม่
5. การจัดการข้อมูล ต้องระมัดระวังไม่ให้ข้อมูลซ้ำซ้อน ควรมีการแบ่งปันข้อมูลเพื่อให้การทำงานร่วมกัน มีการติดต่อสร้างความสัมพันธ์กัน
6. การรักษาความปลอดภัยของระบบ การใช้เทคโนโลยีร่วมกัน ต้องมีการดูแลให้สิทธิแก่ผู้ใช้ภายในขอบเขตของแต่ละคน
2. การวางแผนที่ดี เพื่อเลือกใช้เทคโนโลยีสารสนเทศให้เหมาะสมกับงานและเพื่อประโยชน์สูงสุดที่ควรจะได้รับ
3. มาตรฐานการใช้งาน ควรจะมีเจ้าหน้าที่ควบคุมดูแล ไม่ปล่อยปละละเลยหรือใช้ในทางที่ผิด
4. การลงทุน ควรคำนึงถึงงบประมาณและผลประโยชน์ที่ได้รับด้วย หากประโยชน์ที่ได้ไม่คุ้มค่าแก่การลงทุนก็ควรที่จะปรับแผนการเสียใหม่
5. การจัดการข้อมูล ต้องระมัดระวังไม่ให้ข้อมูลซ้ำซ้อน ควรมีการแบ่งปันข้อมูลเพื่อให้การทำงานร่วมกัน มีการติดต่อสร้างความสัมพันธ์กัน
6. การรักษาความปลอดภัยของระบบ การใช้เทคโนโลยีร่วมกัน ต้องมีการดูแลให้สิทธิแก่ผู้ใช้ภายในขอบเขตของแต่ละคน